ในมุมมองของผม ผมชอบแนวคิดของโรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนหนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เขากล่าวว่า การเป็นหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าเข้าใจเรื่องหนี้ดีพอ หนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ หนี้ดีและหนี้เสีย
หนี้ดี คือ หนี้ที่เรานำไปซื้อทรัพย์สิน ทำรายได้เข้าสู่กระเป๋าเรา เช่น ซื้อบ้านให้เช่า ซื้อเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซื้อโทรศัพท์ไว้ขายของออนไลน์ เป็นต้น ส่วนหนี้เสีย คือ หนี้เพื่อการบริโภค ซึ่งเรานำไปซื้อสิ่งที่นำเงินออกจากกระเป๋าเรา เช่น อาหาร ของใช้ รถยนต์ เครื่องไฟฟ้า เป็นต้น
ดังนั้น หากทำความเข้าใจในเรื่องการเงินให้ดี โดยเฉพาะเรื่องหนี้ การเป็นหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย กลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไปในยุคสมัยนี้ เพียงแต่เราต้องรู้จักคิด วิเคราะห์ พิจารณาให้ดีว่าเรากำลังก่อหนี้ดีหรือหนี้เสีย ถ้าเป็นหนี้เสียควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง หรือหากก่อขึ้นมาแล้ว ก็ควรรีบจัดการใช้ให้หมดไป ก่อนที่จะสายเกินแก้ครับ
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563
สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต
ผมคิดว่าสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของมนุษย์นั้น น่าจะคล้ายๆ กัน เช่น ลมหายใจ สุขภาพ ความสุข ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นต้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันไปอาจจะเป็นเรื่องของการให้น้ำหนักความสำคัญกับเรื่องอะไรมากกว่ากัน
สำหรับผมแล้วสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของผม จาก 100 % ผมเรียงลำดับดังนี้
1.ลมหายใจ (การมีชีวิตอยู่ยอมดีที่สุด) 95 %
2.สุขภาพ (คงไม่มีใครอยากนอนติดเตียง) 2 %
3.ความสุข 2 %
4.ทรัพย์สินเงินทอง 0.5 %
5.ชื่อเสียงเกียรติยศ 0.5 %
ดังนั้น ใครจะรวยกว่าผม มีชื่อเสียงมากกว่าผม ก็ไม่เป็นไรครับ "จะดูถูกก็ไม่ห้าม จะมองข้ามก็แล้วแต่" ขอให้ผมมีข้อ 1 - 3 ก็ดีถมไปแล้วครับ
สำหรับผมแล้วสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของผม จาก 100 % ผมเรียงลำดับดังนี้
1.ลมหายใจ (การมีชีวิตอยู่ยอมดีที่สุด) 95 %
2.สุขภาพ (คงไม่มีใครอยากนอนติดเตียง) 2 %
3.ความสุข 2 %
4.ทรัพย์สินเงินทอง 0.5 %
5.ชื่อเสียงเกียรติยศ 0.5 %
ดังนั้น ใครจะรวยกว่าผม มีชื่อเสียงมากกว่าผม ก็ไม่เป็นไรครับ "จะดูถูกก็ไม่ห้าม จะมองข้ามก็แล้วแต่" ขอให้ผมมีข้อ 1 - 3 ก็ดีถมไปแล้วครับ
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ทำไมจึงต้องปลูกสวนป่า
ผมมีความเชื่อเรื่องการทำงานโดยใช้แรงงานของตนเองกับการทำงานโดยใช้แรงงานของคนอื่น ว่าอย่างหลังไม่เหน็ดเหนื่อยมากแต่ให้ผลตอบแทนดีกว่า อีกทั้งยังยั่งยืนกว่าอย่างแรกอีกด้วย
การใช้แรงงานของตนเองในการทำการเกษตร เช่น ทำนา ทำไร่ ปลูกผัก หรืออะไรก็ตามที่มันเป็นการทำแล้วทำอีกไม่มีวันสิ้นสุด พอหมดฤดูกาลนี้ ฤดูกาลหน้าก็ต้องเริ่มทำใหม่ ผมคิดว่าเหนื่อยครับผมไม่ชอบ ผิดกับการทำการเกษตรโดยใช้แรงงานของคนอื่น เช่น การทำสวนป่าหรือเกษตรกรรมธรรมชาติ มันเป็นการทำครั้งเดียว ที่เหลือธรรมชาติจะเป็นผู้ดูแลการเติบโตของมันเอง มนุษย์เป็นเพียงผู้บริหารจัดการบ้างเท่านั้น
ที่ผมเรียกว่าใช้แรงงานของคนอื่นนั้น ก็คือพลังของธรรมชาตินั่นเอง สมมุติว่าผมลงไม้ป่า 100 ต้น เท่ากับผมมีพลังของคนอื่นคือป่าไม้ 100 คน มันทำงานของมันทั้งวันทั้งคืน ปีแล้วปีเล่า ถ้าไม่ตัดมันก็โตของมันไปเรื่อยๆ ผมไม่ต้องไปปลูกมันใหม่ ผมไม่ต้องพรวนดินเพราะมีไส้เดือน สัตว์ใต้ดินคอยพรวนให้อยู่แล้ว ผมไม่ต้องใส่ปุ๋ยเพราะใบไม้ กิ่งไม้ที่ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยให้อยู่แล้ว ผมไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยามแก่เฒ่าเพื่อที่จะปลูกใหม่อีก นี่แหละเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องปลูกสวนป่าครับ
วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วิธีสร้างรายได้จากสวน
ผมเองไม่ได้ทำสวนเพราะต้องการเงินหรือชื่อเสียง แต่ทำเพราะมันคือความสุขของผม อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันควรต้องมีการสร้างรายได้ด้วย วิธีสร้างรายได้จากสวนหรือป่า ผมคิดว่ามีหลายวิธี ผมเองไม่ได้ทำทั้งหมด แต่เคยเห็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ และผู้ที่ประสบความสำเร็จทำกันมา มีดังนี้
1.ขายผลผลิตในสวน เช่น มะม่วง กล้วย น้อยหน่า มะนาว เห็ด สมุนไพร ปลา ไข่ไก่ ไข่เป็ด ฯลฯ
2.ขายผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น มะม่วงกวน ผลไม้แช๋อิ่ม ปลาเค็ม ไข่เค็ม แชมพู สบู่ ยาสมุนไพร ฯลฯ
3.ขายพันธุ์ไม้ เช่น ยางนา มะฮอกกานี ไม้ป่าอื่นๆ ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล ฯลฯ
4.ขายปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก โดยทำมาจากกิ่งไม้ ใบไม้ ขี้วัว ขี้ไก่ ฯลฯ
5.ขายถ่าน ขายฟืน ที่ใช้ในการหุงต้ม หรือให้พลังงาน
6.ขายน้ำส้มควันไม้ สารไล่แมลง สำหรับใช้ไล่แมลง และประโยชน์อื่นๆ
7.ขายไม้ใช้สอย เช่น ไม้ไผ่ หวาย ไม้ยูคาลิปตัส กระถินณรงค์ ฯลฯ
8.ขายไม้แปรรูป เช่น ไม้กระดาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ ของใช้ที่ทำจากไม้ ฯลฯ
9.ล้อมต้นขาย เพื่อนำไปจัดสวน
10.เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ เก็บค่าเข้าชมหรือค่าอบรม (เข้าฟรีก็ได้ แต่ขายของเป็นรายได้แทน)
11.เปิดเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ เก็บค่าที่พัก ค่าอาหาร
12.เปิดฐานเรียนรู้ จัดกิจกรรมต่างๆ แล้วเก็บค่าเข้าร่วมกิจกรรม
13.ทำรถหรือเรือชมวิว เก็บค่าบริการ นำชมวิวในสวนและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
14.สร้างบล็อกหรือทำคลิปเผยแพร่ในระบบออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้จากค่าโฆษณาและขายสินค้า
15.เป็นวิทยากรรับเชิญ บรรยายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำสวน
อาจจะมีรูปแบบการสร้างรายได้อย่างอื่นอีก ลองหาศึกษาในอินเตอร์เน็ตดูนะครับ
1.ขายผลผลิตในสวน เช่น มะม่วง กล้วย น้อยหน่า มะนาว เห็ด สมุนไพร ปลา ไข่ไก่ ไข่เป็ด ฯลฯ
2.ขายผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น มะม่วงกวน ผลไม้แช๋อิ่ม ปลาเค็ม ไข่เค็ม แชมพู สบู่ ยาสมุนไพร ฯลฯ
3.ขายพันธุ์ไม้ เช่น ยางนา มะฮอกกานี ไม้ป่าอื่นๆ ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล ฯลฯ
4.ขายปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก โดยทำมาจากกิ่งไม้ ใบไม้ ขี้วัว ขี้ไก่ ฯลฯ
5.ขายถ่าน ขายฟืน ที่ใช้ในการหุงต้ม หรือให้พลังงาน
6.ขายน้ำส้มควันไม้ สารไล่แมลง สำหรับใช้ไล่แมลง และประโยชน์อื่นๆ
7.ขายไม้ใช้สอย เช่น ไม้ไผ่ หวาย ไม้ยูคาลิปตัส กระถินณรงค์ ฯลฯ
8.ขายไม้แปรรูป เช่น ไม้กระดาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ ของใช้ที่ทำจากไม้ ฯลฯ
9.ล้อมต้นขาย เพื่อนำไปจัดสวน
10.เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ เก็บค่าเข้าชมหรือค่าอบรม (เข้าฟรีก็ได้ แต่ขายของเป็นรายได้แทน)
11.เปิดเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ เก็บค่าที่พัก ค่าอาหาร
12.เปิดฐานเรียนรู้ จัดกิจกรรมต่างๆ แล้วเก็บค่าเข้าร่วมกิจกรรม
13.ทำรถหรือเรือชมวิว เก็บค่าบริการ นำชมวิวในสวนและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
14.สร้างบล็อกหรือทำคลิปเผยแพร่ในระบบออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้จากค่าโฆษณาและขายสินค้า
15.เป็นวิทยากรรับเชิญ บรรยายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำสวน
อาจจะมีรูปแบบการสร้างรายได้อย่างอื่นอีก ลองหาศึกษาในอินเตอร์เน็ตดูนะครับ
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ความสุนทรียภาพในสวน
ความสุนทรียภาพ คือ การมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ผมเข้าสวนทุกวันก็เห็นความสวยงามในสวนทุกวัน ต้นไม้ ใบไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ วัชพืช สระน้ำ คูน้ำ ทางเดิน อากาศ ท้องฟ้า กลิ่นหอม กลิ่นดิน นก ผีเสื้อ แมลง ปลา สัตว์นานาชนิด ฯลฯ ล้วนทำให้ผมสุขใจ ผมไม่เคยรังเกียจวัชพืช ถือว่าอยู่ร่วมกันได้แต่ขอควบคุมการแพร่ขยายหน่อย เมื่อวัชพืชเหล่านี้ออกดอกมา ผมก็ชื่นชมในความสวยงามของมัน ผมไม่ได้ทุกข์ร้อนว่ามันเป็นวัชพืชเลย
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ลงทุนแบบนักทำสวน ทำสวนแบบนักลงทุน
หลักการลงทุนของผม คือ 1.มองหากิจการที่ดีเยี่ยม 2.ซื้อในราคาที่ถูก ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน ต้องหาข้อมูลให้รอบด้าน ต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียต่างๆ แล้วจึงเข้าซื้อกิจการนั้นในราคาที่เหมาะสมและยุติธรรม ยิ่งได้ราคาถูกก็ยิ่งดี หลักการทำสวนก็เช่นกัน ผมจะมองหาเมล็ดพันธุ์หรือต้นพันธุ์ที่ดีเยี่ยมเหมาะสมกับพื้นที่ และค้นหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แล้วจึงซื้อในราคาที่ถูกหรือเหมาะสมที่สุดมาปลูก
หลังจากนั้นผมจะดูแลการลงทุนและสวนของผมอย่างใกล้ชิด ต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บำรุงรักษา ตัดแต่งให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ผมต้องการ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องระลึกอยู่เสมอว่า ผมจะต้องไม่ทำเองทั้งหมดหรือทำเองตลอดไป เมื่อกิจการใดหรือต้นไม้ชนิดใดไม่ดี ไม่ให้ผลตามสมควรก็ต้องขายทิ้งไป หรือรื้อทิ้งไป กิจการใดหรือต้นไม้ใดให้ผลดีก็เก็บไว้กินดอกผลต่อไป ส่วนใครจะมาให้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ก็อาจจะขายไปบ้างเพื่อลดต้นทุน
หลังจากนั้นผมจะดูแลการลงทุนและสวนของผมอย่างใกล้ชิด ต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บำรุงรักษา ตัดแต่งให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ผมต้องการ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องระลึกอยู่เสมอว่า ผมจะต้องไม่ทำเองทั้งหมดหรือทำเองตลอดไป เมื่อกิจการใดหรือต้นไม้ชนิดใดไม่ดี ไม่ให้ผลตามสมควรก็ต้องขายทิ้งไป หรือรื้อทิ้งไป กิจการใดหรือต้นไม้ใดให้ผลดีก็เก็บไว้กินดอกผลต่อไป ส่วนใครจะมาให้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ก็อาจจะขายไปบ้างเพื่อลดต้นทุน
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563
สวนป่าดีนี่ คืออะไร?
ถ้าพูดให้สั้นที่สุด "สวนป่าดีนี่" คือ สวนเกษตรผสมผสานที่ทำเหมือนป่าครับ เพราะผมได้รับแรงบันดาลใจในการทำสวนมาจากป่า ผมจึงอยากใช้ชื่อนี้
แรงบันดาลใจที่ว่ามาจากป่านั้น คือ การที่ผมสังเกตเห็นว่าป่ามีระบบนิเวศที่สมบูรณ์โดยตัวของมันเอง ต้นไม้เติบโตได้ ไม่เห็นต้องมีใครไปปลูก หรือรดน้ำ พรวนดิน มันก็โตของมันได้ ดินก็อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุอาหาร ไม่ต้องเติมปุ๋ย ผมชอบความที่ป่ามันอยู่ได้ มีผลผลิต โดยที่ไม่ต้องมีใครไปยุ่งกับมัน
เมื่อเห็นแบบนี้ ผมจึงอยากทำสวนเกษตรที่เป็นเหมือนป่า โดยเราเพิ่มการบริหารจัดการบ้างนิดหน่อย เช่น การจัดการเรื่องแหล่งน้ำ การเลือกพืชพันธุ์ที่จะปลูก เป็นต้น ต่อมาก็เริ่มออกแบบสวนป่าโดยนึกคิดเอาเอง แล้วก็ลงมือทำเมื่อปี 2554 แรกๆก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต่อมาก็ศึกษาเพิ่มเติมจากผู้ที่เขาเคยทำมาก่อน เช่น คุณฟูกูโอกะ พ่อคำเดื่อง ภาษี ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม เป็นต้น แล้วก็ค้นคว้าเพิ่มเติมจากหนังสือและอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับแนวคิดการทำวนเกษตร เกษตรผสมผสาน ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ป่าหลายระดับ เรื่อยไปจนถึง Food Forest และ Permaculture แล้วเอามาพัฒนาป่าของตัวเอง ก็ดีขึ้นตามลำดับ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็พัฒนาเรื่อยมา ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ปัจจุบันผมทำสวนอยู่ 4 แห่ง ขนาด 0.5 ไร่, 2.5 ไร่, 3 ไร่ และ 4.75 ไร่ อยู่ต่างที่ต่างอำเภอกัน พื้นที่ใกล้บ้านก็ทำแบบเข้มข้นหน่อย พื้นที่ที่ห่างออกไปความเข้มข้นก็จางลง ปลูกเป็นไม้ป่าที่นานๆ ไปดูสักครั้ง ผมคิดว่าตอนนี้ผมทำสวนแบบสบายๆ แล้ว ปล่อยให้ป่าเติบโตของมันเอง เราจัดการบ้างนิดหน่อย ชีวิตที่ดีเป็นแบบนี้นี่เอง
ปล.ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2554 ผมใช้ชื่อ สวนลุงเดช ต่อมาปี 2562 จึงเปลี่ยนเป็น สวนป่าดีนี่ จนถึงปัจจุบันครับ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
































